อัตโนประวัติ
พระครูวิมลภาวนาคุณ
(หลวงพ่อจื่อ พันธมุตโต)
วัดเขาตาเงาะอุดมพร
ตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

"หลวงพ่อจื่อ" เป็นพระสงฆ์สายวิปัสสนา ปัจจุบันมีอายุ 69 ปี พรรษา 36 เกิดวันพฤหัสบดี ขึ้น15 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม หรือตรงกับวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2486 ที่ตำบลบ้านกอก อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ อุปสมบท วันที่ 15 พฤศจิกายน 2518 ที่ วัดศรีแก้งคร้อ ตำบลช่องสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ พระอุปัชฌาย์ คือ พระโพธิญาณมุนี ท่านกำเนิดมาในตระกูลคนยากจน บิดาเป็นคนเชื้อสายจีน ชื่อนายฮอ แซ่จึง มารดาเป็นคนไทยชื่อนางพี เฉลียวดี ท่านได้รับการศึกษาเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ต้องออกมาช่วยที่บ้านทำงาน เมื่อโตขึ้นมาก็อาศัยว่ามีฝีมือในทางเย็บผ้า จึงรับจ้างเย็บผ้าหาเลี้ยงชีพ ท่านเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็ได้ทำงานในร้านก่อเกียรติ ซึ่งเป็นร้านตัดผ้าชั้นนำในเมืองหลวงยุคสมัยโน้น "หลวงพ่อจื่อ" เป็นศิษย์หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต พระอริยสงฆ์แห่งภาคอีสาน วัดอุดมคงคาคีรีเขต (วัดดูน) อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อเป็นพระวิปัสสนา ธุดงค์บำเพ็ญเพียรไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความสงบร่มรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้ทราบภูมิประเทศ แหล่งประกอบอาชีพและปัญหาการประกอบอาชีพของประชาชนอย่างมากมาย โดยเฉพาะภูมิประเทศอันเป็นแหล่งต้นกำเนิดแหล่งน้ำสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ "แม่น้ำชี"ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาสูงจากอำเภอหนองบัวแดง ไหลผ่านอำเภอบ้านเขว้า หนองบัวระเหว อำเภอจัตุรัส และอำเภอเมือง ของจังหวัดชัยภูมิ
เมื่อปี 2523 ขณะที่ท่านนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดเขาตาเงาะอุดมพร ประชาชนชาวหนองบัวระเหว ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ท่านจึงคิดพัฒนาแหล่งน้ำ "ลำเชียงทา" เป็นแหล่งน้ำที่ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำชี ว่าน่าจะได้มีแหล่งการเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของชาวชุมชนหนองบัวระเหวและชุมชนใกล้เคียง ท่านจึงได้นำพระภิกษุ ลูกศิษย์ และชาวบ้านร่วมกันก่อสร้างเขื่อนดินด้วยงบประมาณอันน้อยนิดของผู้มีจิตศรัทธาบริจาคและงบประมาณของทางราชการที่สนับสนุน ทำให้ประชาชนในอำเภอบ้านเขว้า อำเภอหนองบัวระเหว และอำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้ง 3 อำเภอ ได้มีแหล่งน้ำใช้ทางการเกษตรกรรม หลวงพ่อเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยบารมี ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักพัฒนา ได้สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมมากมาย ทั้งถนนหนทาง ทำฝายเป็นแหล่งกักเก็บน้ำด้วยคำสอนพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ และรอยยิ้มที่เปรี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้ผู้ที่มาทำบุญมีความสุข ถึงแม้ว่าจะเดินทางไกลขนาดไหน อย่างเช่นศิษยานุศิษย์ที่มาจากชุมชนบางบัว เขตหลักสี่ กทม. คุณป้าแดง, ป้าน้อย, ป้าหน่อย และลุงถนอม พรขุนทด (ฝ่ายจัดจำหน่าย นสพ.บ้านเมือง) เล่าให้ฟังว่า "ทุกๆ ปี หรือวันสำคัญๆ ทางคณะจะร่วมกันตั้งกองบุญที่บ้านป้าแดงและเพื่อนๆ แล้วรวบรวมส่งปัจจัยมาถวาย หากมีเวลาก็จะพากันมากราบไหว้หลวงพ่อ และรับฟังธรรมะง่ายๆ จากหลวงพ่อ" หลวงพ่อจื่อยิ้มและหัวเราะเบาๆ แล้วสอนว่า "สถานการณ์ความแตกแยกในบ้านในเมืองเรามีมาก ประชาชนจำเป็นต้องฟังธรรมจะได้อภัยให้กันและกัน ใจดี ใจเบิกบาน ไม่เบียดเบียน ก็ไม่เดือนร้อน ทำบุญ รักษาใจ ใจมีธรรมะ ก็จะให้อภัย คิดถูก คิดชอบ เหมือนกันก็เป็นพี่น้องกัน เจ้าความคิดเป็นผีร้ายสุด จิตบริสุทธิ์ไม่มีผี" คำสอนที่ก่อนกราบลาที่หลวงพ่อฝากเราทุกคนก็คือ. "อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังจิตตัวเอง..อะไรที่เป็นโทษอย่าไปทำ

ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน